ทรงผมนักเรียน ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี ๑๕/๒๕๕๖

วันที่โพสต์: Jan 10, 2013 9:31:54 PM

นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าในการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับแบบทรงผมของนักเรียน นักศึกษา เมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๖ 

รมว.ศธ.กล่าวว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) ไปดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีกฎกระทรวงจำนวน ๒ ฉบับที่เกี่ยวข้อง โดยได้ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๑๕ คือ

กฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ.๒๕๑๕) ซึ่งระบุว่า การแต่งกายและความประพฤติดังต่อไปนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน คือ "นักเรียนชาย ไว้ผมยาว โดยไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวเกิน ๕ เซนติเมตร และชายผมรอบศีรษะไม่ตัดเกรียนชิดผิวหนัง หรือไว้หนวดหรือเครา นักเรียนหญิง ตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาต ให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย.."

ต่อมามีการแก้ไขกฎกระทรวงดังกล่าวเพิ่มเติมจนเป็น กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ.๒๕๑๘) ลงวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๑๘ ซึ่งระบุว่า การแต่งกายและความประพฤติดังต่อไปนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน คือ "นักเรียนชาย ตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผมหรือไว้หนวด ไว้เครา นักเรียนหญิง ตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย..”ดังนั้น หากตีความตามกฎกระทรวง พ.ศ.๒๕๑๕ นักเรียนชายจะต้องไว้ผมด้านข้างและด้านหลังเกรียน แต่กฎกระทรวง พ.ศ.๒๕๑๘ เปลี่ยนแปลงให้นักเรียนชายไว้ผมรองทรงไว้ ไม่ต้องเกรียนผมด้านข้างหรือด้านหลัง ซึ่งในทางปฏิบัติโรงเรียนยังคงยึดติดกับทรงผมเกรียนตามกฎกระทรวง พ.ศ.๒๕๑๕ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เพราะกฎกระทรวงฉบับใหม่ เปิดโอกาสให้เด็กไว้ทรงยาวแบบรองทรงได้ส่วนทรงผมของนักเรียนหญิงนั้น กฎกระทรวงทั้ง ๒ ฉบับ กำหนดให้นักเรียนหญิงไว้ผมสั้นหรือยาวได้ แต่ให้ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของโรงเรียน ซึ่งเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลเช่นกันที่จะให้ทรงผมนักเรียนหญิงของแต่ละโรงเรียนจะมีความแตกต่างกันไปตามดุลยพินิจของทางโรงเรียน เมื่อกฎกระทรวงกำหนดให้นักเรียนหญิงเลือกไว้ผมยาวได้ นักเรียนหญิงของทุกโรงเรียนก็ควรอยู่บนแนวปฏิบัติเดียวกัน เพราะฉะนั้นจะให้ ศธ.ทำข้อแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการไว้ผมยาวของนักเรียนหญิง เช่น หากไว้ผมยาวต้องรวบผมให้เรียบร้อย จากนั้นทุกโรงเรียนจะต้องปฏิบัติให้เหมือนกัน โดยอนุญาตให้นักเรียนหญิงไว้ผมสั้นหรือยาวเลยต้นคอได้แต่ต้องรวบผมให้เรียบร้อย

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องทรงผมนักเรียน จึงได้มอบหมายให้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (สป.) จัดทำหนังสือเวียน เพื่อแจ้งไปยังสถานศึกษาในสังกัด ศธ.ทุกแห่ง เพื่อกำชับว่าในเรื่องของทรงผมนักเรียนนั้น ต้องยึดกฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ พ.ศ.๒๕๑๘ ซึ่งระบุไว้ชัดเจน ให้นักเรียนชายไว้ทรงยาวแบบรองทรงได้ และให้นักเรียนหญิงเลือกไว้ผมสั้นหรือยาวได้

กฎกระทรวงฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕)

ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒

ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕

อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๓ และข้อ ๑๑ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ ๑ การแต่งกาย และความประพฤติดังต่อไปนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักเรียน ตามความในข้อ ๔ แห่งประกาศของคณะปฏิบัติ ฉบับที่ ๑๓๒

(๑) นักเรียนชายไว้ผมยาว โดยไว้ผมข้างหน้าและกลางศีรษะยาวเกิน ๕ เซนติเมตร และชายผมรอบศีรษะไม่ตัดเกรียนชิดผิวหนัง หรือไว้หนวดหรือเครา นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาต ให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย นักเรียนใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวย (๒) เที่ยวเร่ร่อนอยู่ในที่สาธารณะสถาน หรือทำลายสมบัติของโรงเรียนหรือสถานศึกษา หรือสาธารณสมบัติ (๓) แสดงกิริยา วาจา หรือกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดที่ไม่สุภาพ (๔) มั่วสุมและก่อความเดือดร้อนรำคาญอย่างหนึ่งอย่างใด (๕) เล่นการพนันซึ่งต้องห้ามตามกฎหมายการพนัน (๖) เที่ยวเตร่เวลากลางคืนระหว่าง ๒๒.๐๐ นาฬิกา ถึง ๐๔.๐๐ นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้น เว้นไว้แต่ไปกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรือได้รับอนุญาตจากโรงเรียนหรือสถานศึกษา (๗) สูบบุหรี่ สูบกัญชา หรือเสพสุรา ยาเสพติด หรือของมึนเมาอย่างอื่น (๘) เข้าไปในสถานบริการตามกฎหมายว่าด้วยสถานบริการหรือสถานอื่นใดซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน โรงรับจำนำ หรือสถานการณ์พนันในระหว่างเวลาที่มีการเล่นการพนัน เว้นแต่จะเป็นผู้อาศัยอยู่หรือเยี่ยมญาติสถานที่นั้น (๙) เข้าไปในงานหรืองานร่วมสังสรรค์ และงานนั้นมีการเต้นรำหรือการแสดงซึ่งไม่สมควร แก่สภาพของนักเรียน เว้นแต่ไปกับบิดามารดาหรือผู้ปกครอง หรืองานนั้นบิดามารดาผู้ปกครอง หรือสถานศึกษาของนักเรียนคนหนึ่งคนใดเป็นผู้จัด (๑๐) เข้าไปในสถานค้าประเวณี เว้นแต่จะเป็นผู้อาศัยอยู่ในที่นั้นหรือเข้าไปเยี่ยมญาติ ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่นั้น (๑๑) คบค้าสมาคมกับหญิงที่ประพฤติตนเพื่อการค้าประเวณี เว้นแต่จะเป็นญาติใกล้ชิดกับหญิงนั้น (๑๒) ประพฤติตนในทำนองชู้สาว (๑๓) มีวัตถุระเบิดก็ดี หรือมีอาวุธติดตัวหรือซ่อนเร้นไว้เพื่อใช้ในการประทุษร้ายก็ดี (๑๔) หลบหนีโรงเรียน

ข้อ ๒ การแต่งกายและความประพฤติดังต่อไปนี้ถือว่าไม่เหมาะสมแก่สภาพของนักศึกษา ตามความในข้อ ๔ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒

(๑) นักศึกษาชายตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผมหรือไว้หนวด ไว้เครา นักศึกษาหญิงนุ่งประโปรงสั้นจนชายกระโปรงสูงกว่ากึ่งกลางสะบ้าหัวเขาเกิน ๕ เซนติเมตร ขอบกระโปรงต่ำกว่าระดับสะดือ คาดเข็มขัดหลวมต่ำกว่าระดับขอบกระโปรงหรือแต่งกายไม่เหมาะสมกับ สภาพกุลสตรีไทย นักศึกษาใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวย (๒) สูบกัญชาหรือเสพสุรา ยาเสพติด หรือของมึนเมาอย่างอื่น (๓) กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่ออำนาจบริหารของโรงเรียนหรือสถานศึกษาหรือบังคับขู่เข็ญ ยุยงส่งเสริมหรือสนับสนุนให้นักเรียนหรือนักศึกษากระทำการเช่นว่านั้น และ (๔) ความประพฤติตามข้อ ๑ (๒) (๓) (๔) (๕)(๘) (๑๐) (๑๑) (๑๒) (๑๓)

ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๑๕

บุญถิ่น อัตถากร

(นายบุญถิ่น อัตถากร)

ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ

ผู้ใช้อำนาจของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

กฎกระทรวงฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๑๘)

ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒

ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕

อาศัยอำนาจตามความในข้อ ๔ และข้อ ๑๑ แห่งประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการออกกฎกระทรวงไว้ดังต่อไปนี้

ให้ยกเลิกความในข้อ (๑) ของข้อ ๑ แห่งกฎกระทรวง ฉบับที่ ๑ (พ.ศ. ๒๕๑๕) ออกตามความในประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ ลงวันที่ ๒๒ เมษายน พ.ศ. ๒๕๑๕ และให้ใช้ความต่อไปนี้แทน

“(๑) นักเรียนชายตัดผมหรือไว้ผมยาวจนด้านข้างและด้านหลังยาวเลยตีนผม หรือไว้หนวด ไว้เครา นักเรียนหญิงตัดผมหรือไว้ผมยาวเลยต้นคอ หากโรงเรียนหรือสถานศึกษาใดอนุญาตให้ไว้ยาวเกินกว่านั้นก็ให้รวบให้เรียบร้อย นักเรียนใช้เครื่องสำอาง หรือสิ่งปลอมเพื่อการเสริมสวย”

ให้ไว้ ณ วันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๑๘

เกรียง กีรติกร

(นายเกรียง กีรติกร)

 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ

นวรัตน์ รามสูต

บัลลังก์ โรหิตเสถียร

สรุป/รายงาน

10/01/2556

ที่มา :  http://www.moe.go.th/websm/2013/jan/015.html